คุณภาพงานบันเทิงไทยอีกนานไหมถึงจะทันเกาหลี....
.
จั่วหัวมาขนาดนี้หลายๆคนอาจจะบอกว่า มึงจะอวยเกาหลีก็อวยไป จะมากดไทยเราทำไม แต่ที่ผมต้องจั่วหัวแบบนี้ก็เพราะว่าผมเองมีโอกาสได้ดูซีรีส์ต่างประเทศมาหลายปีแล้ว ช่วงแรกๆจะดูซีรีส์ฝรั่งแล้วก็คิดว่าของฝรั่งเนี่ยกับไทยเปรียบกันไม่ได้เพราะแนวคิด รูปแบบดำเนินชีวิตต่างกัน ต่างวัฒนธรรมกัน จะเอาวิถีแนวคิดคนในซีรีส์มาเทียบกันคงไม่ได้ และงบประมาณของเค้าก็เยอะด้วย จนมามีโอกาสได้ดูซีรีส์เกาหลี ก็พบว่าแนวคิดรูปแบบมันมีความเป็นเอเชียและเวลาเราดูของเกาหลีเนี่ยคนไทยเราจะอินง่าย เพราะแม้เค้าจะยังมีความเป็นเกาหลีอยู่บ้าง แต่ด้วยภาพรวม แนวคิดวิถีชีวิตเค้าคล้ายไทยเรามาก จริตนักแสดงหน้าตาก็ดูแล้วเราจะเก็ทกว่าของฝรั่ง แต่ด้านงบประมาณของเกาหลีเค้าก็สูงกว่าเราอยู่ดี
.
เมื่อวานมีโอกาสได้เข้าไปอ่านข้อเปรียบเทียบเกี่ยวกับฝีมือทางการแสดงของนักแสดงไทยเมื่อเทียบกับเกาหลี แทบทุกคนจะคิดไปในทางเดียวกันว่า นักแสดงไทยเราโดยภาพรวม(ไม่ใช่ทั้งหมด) ยังขาดทักษะในการแสดงอยู่มาก!! ที่พูดมานี้รบกวนอย่าเพิ่งดราม่านะครับ ในภาพรวม ผมหมายถึงส่วนมาก เราต้องยอมรับว่านักแสดงไทยเราทำมาหากินกันแบบตามมีตามเกิดจริงๆ แอ๊คติ้งโค้ช รร สอนการแสดงเนี่ย บางโรงเรียนคนสอนเองยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการแสดงหนังหรือละครเป็นเรื่องเป็นราวเลย บางคนเป็นตัวประกอบเล็กๆในทีวีได้ไม่กี่เรื่อง ก็ตั้งตัวเองเป็นโค้ชสอนการแสดงแล้ว หลายๆโรงเรียนก็ไม่มีอะไรมาก เปิดมาเพื่อหลอกผู้ปกครองให้เอาลูกมาเรียนแล้วสัญญาว่าจะเอาลูกไปแสดงหนัง แสดงละคร บ้างก็ไปหานายทุนมาลงทุนทำหนังเล็กๆ จะได้ฉายไหมก็ไม่รู้ แต่นั่นเราพูดถึงพวกที่มาทำมาหากินในวงการที่ไม่ใช่ตัวจริงที่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันในวงการบ้านเรานะครับ (แต่ต้องยอมรับว่ามันมีพวกแบบนี้เยอะมากกกกกก)
.
ทีนี้เรามาพูดถึงตัวจริงในวงการบันเทิงบ้านเราดีกว่า ผลงานตามสถานีโทรทัศน์ช่องฟรีทีวี ช่องแนวหน้าบ้านเรามันไปถึงไหนกันแล้ว ถ้าเอาจริงๆ อย่างละครช่องนึงที่ทำซีจีพินาศ ก็อปปี้ฉากจากหนังฝรั่งมากลับด้านใช้ในละครไทย โปรดักชั่นเมืองใช้อิงค์เจทยับๆ นั่นคือผลงานที่นำเสนอออกทางช่องทีวีหลักนะครับ นั่นอาจจะส่วนน้อยมั้งครับ แต่ถ้าพูดถึงวิธีการทำงานแบบไทยๆ ผู้จัดส่วนมากก็จะอยากได้ดาราที่ดังๆเป็นแม่เหล็ก มีแฟนคลับมาแสดงนำอยู่แล้ว โจทย์ของผู้จัดบางครั้งจึงเริ่มต้นจากนักแสดงก่อน บางคนก็อยากได้นักแสดงที่ดังๆ บางคนก็จำเป็นต้องหามาจากนักแสดงที่ตัวเองสนิท เพราะเรียกใช้งานง่าย สนิทสนม และค่อยไปหาบทหรือเอาไปสวมบทที่ตัวเองมองว่าพอกล้อมแกล้มได้เอาไปใส่ในงาน เราเลยจะเห็นได้ว่านักแสดงไทยโดยเฉพาะบทพระเอกนางเอกมันจะไม่ค่อยมีความหลากหลายเท่าที่ควร พระเอกนางเอกจะวนๆกันไม่กี่คน ทุกคนสังกัดค่ายสังกัดช่อง และการแสดงก็จะวนไปวนมา
.
หันมาดูของเกาหลีบ้าง นักแสดงบ้านเค้าวงจรชีวิตในการยืนบทพระเอกนางเอกค่อนข้างนานกว่าเรามาก อย่างซีรีส์เรื่องล่าสุดที่ผมดูนี่นางเอกอายุ 53 แล้ว ยังมารับบทนางเอกได้อยู่เลย แต่ของบ้านเราสามสิบต้นๆนี่หมดเวลาเป็นตัวนำแล้ว แม้แต่ตัวรองยังยากเลย ดีไม่ดีหลุดไปแม่ไปพี่สาวพระเอกแล้ว นักแสดงเกาหลีส่วนมากผมก็ว่าเล่นใหญ่ แต่แปลกมาก ดึงอารมณ์คนดูมาก ซีรีส์เกาหลีหลายๆเรื่องแทบไม่ได้ยึดติดอะไรกับความดังของพระเอกนางเอกเลย อย่างพระเอกเรื่อง Hi,Bye mama เนี่ยแทบจะเคยรับบทเป็นตัวรองของรองของรองจากซีรีส์เรื่อง Prison Playbook กับ Stranger มาแล้วด้วยซ้ำ หรือบางคนเคยเป็นพระเอกก็ไปเป็นบทรองได้ เค้าสนใจที่บทและผลงานมากกว่าด้วยซ้ำ
.
ของไทยเราเน้นสวย คำว่าแต่งหน้าอ่อนหรือหน้าสดลืมไปก่อน ดาราเกาหลีแต่งหน้าให้เหมือนไม่แต่งหน้าได้ อาจจะด้วยพื้นฐานผิวดีอยู่แล้ว แต่ของเค้าเวลาป่วยคือป่วยจริง ของไทยเวลาป่วยนี่ผมยังเซ็ท ปากยังแดง ตื่นนอนมายังติดนตาปลอม ของเกาหลี กินเป็นกิน มูมมามน่าอร่อยไม่ห่วงหล่อไม่ห่วงสวย พระเอกซดรามยอนโฮกฮาก นางเอกเคี้ยวข้าวคำโตๆ ของไทยกว่าจะกินข้าวนี่ต้องตักใส่ชามพัก อาหารยังไม่ทันเข้าปากก็บอก อุ๊ยคุณแม่ทำอร่อยจังเลยค่ะ คือดูรู้ว่า ตอแหล อ่ะ
.
นักแสดงไทยเบอร์ใหญ่ๆหลายคนของบ้านเราส่วนมาก ประคองงานแสดงเอาไว้เพียงแค่ให้มีผ่านตาแฟนคลับบ้างสักปีสองปีต่อเรื่อง และเก็บเกี่ยวภาพจำเอาไว้รับงานอีเวนต์ รับงานโฆษณาตัวละหลายๆสิบล้าน และเก็บกินยาวๆ งานแสดงไม่ได้เป็นงานหลัก แต่เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงชื่อเสียงให้คนยังมองว่าฉันเป็นดาราเท่านั้นเอง แต่ฝีมือการแสดงแทบจะย่ำอยู่กับที่ บางคนเป็นพระเอก นางเอกมายี่สิบปี แต่ฝีมือไม่ไปถึงไหนเลย
.
แฟนคลับไทยเองก็เช่นกัน ถ้าดาราคนไหนแสดงไม่ดีก็จะต้องมีการพยายามดึงหาข้อดีไปตั้งกระทู้กราบดารากันแล้วว่าตอนนั้นเล่นดี ตอนนี้เล่นดี หรือถ้ามีเพจไหนคนไหนวิจารณ์การแสดงก็จะต้องมีการระดมทัวร์ไปลงเพจ แม้แต่ผู้จัดหรือผู้กำกับหนังเองก็ตาม การวิจารณ์ผลงานของหนังของซีรีส์ไทยเป็นเรื่องที่ลำบากมากกกกกก อย่างผมเคยวิจารณ์หนังเรื่องนึงไม่ค่อยดี คนทำหนัง นักแสดงก็จะเอาไปบ่นตัดพ้อลากลิงค์ไปลงในเฟซบุ๊คทำนองเชิญชวนแฟนคลับเอาทัวร์มาลง ก็นั่นแหละครับ เจอจนชิน เจอจนคิดแหละว่ามันคงไปไหนไม่ได้ไกลแล้วล่ะครับ
.
คนสร้างหนัง คนสร้างละครชอบบ่นว่าทุนน้อย รัฐบาลไม่ให้โอกาส เหนื่อยนะ ท้อแท้ แต่แปลกมาก ก็ยังทำกันอยู่เป็นสิบๆปี หลายๆคนก็เปิดริษัท มีบ้านมีรถ เค้าอาจจะไปหารายได้ทางอื่น แต่ทำหนังเพราะรักก็ได้ แต่จริงๆทำงานที่รักเนี่ยผมว่าดีนะ แต่ถ้ารักแล้วเราต้องรู้จักพัฒนาและทำยังไงก็ได้ให้งานที่ตัวเองรักเนี่ย มีคนเค้าชื่นชมด้วย จะได้สมกับว่าเออมีแฟสชั่นในการทำงานจริงๆ
.
เกาหลีเค้าไปออสการ์ไปคานส์ได้มาหมด ครบแล้ว ของไทยยังไปไกลสุดคือลุงบุญมี ของเกาหลีงานดีๆนี่เข้าถึงคนได้ทั่วประเทศตัวเองและทั้งโลก ส่วนของไทยตอนนี้ฉายในบ้านเราคนดูบางคนยังแหม่งๆขำๆแปลกๆเลย ไปไกลสุดคือเพื่อนบ้าน เค้าไปดูดารา ส่วนตัวยังอยากเห็นคนไทยไปได้ไกลๆนะครับ ไปไกลด้วย และสื่อสารให้คนไทยดูแล้วชอบด้วย ไม่ยากไปใช่ไหมครับ....